โรคไมเกรน รักษาโดยไม่ใช้ยา รู้ไว้ 10 วิธีลดปัจจัยเสี่ยง
ไมเกรนเป็นโรคยอดฮิตในกลุ่มวัยเรียนและกลุ่มคนวัยทำงาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานหรือการเรียนได้ค่อนข้างมากทีเดียว เนื่องจากอาการปวดหัวจนทำให้ไม่มีสมาธิทำอะไรได้เลย วันนี้เราเลยจะมาแชร์เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยบรรเทาไมเกรนลงไปได้บ้าง แต่ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ โรคไมเกรน กันก่อนว่า โรคนี้คืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
โรคไมเกรน เกิดจากอะไร
ไมเกรนเป็นโรคที่เกี่ยวกับอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงโดยไม่ทรายสาเหตุ โดยบางครั้งก็มีการปวดศีรษะแบบตุ้บๆ หรือปวดข้างเดียวและทั้งสองข้าง รวมไปถึงมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนตามมาซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคไมเกรนเกิดได้หลายปัจจัย หากแต่ก็ยังไม่แน่ชัด โดยอาจเกิดได้จากสภาพแวดล้อม ความเครียดสะสม ฮอร์โมน นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ และการใช้ยาต่างๆเป็นต้น
คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านเลย คอลลาเจน กิน 8 วิธีนี้ เห็นผลสูงสุด
10 วิธีลดปัจจัยเสี่ยงของโรคไมเกรน
โรคไมเกรนไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และแม้จะรักษาไปแล้วแต่ก็สามารถกลับมามีอาการได้อีก นอกจากการไปหาหมอเพื่อรับยาแล้ว ยังมีพฤติกรรมต่างๆ ที่ช่วยลดการเกิดไมเกรนลงได้ มาดูกันว่าต้องทำอย่างไร
1.ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส
- เพราะสาเหตุหลักของโรคไมเกรนนั้นไม่แน่ชัดแต่ที่แน่ๆ ความเครียดก็ถือเป็นอีกสาเหตุสำคัญของโรค ดังนั้นจึงควรพยายามหลีกเลี่ยงความเครียด แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ แนะนำให้ปล่อยวางและมีสติอยู่เสมอ ไม่ยึดติดกับความเครียดหรือปัญหาที่เกิดขึ้นจะดีกว่า หรือหากรู้ตัวว่าความเครียดกำลังจะเข้ามาเล่นงานก็พยายามหาวิธีรับมือโดยการพยายามทำใจให้สบาย คิดและทำในสิ่งที่จะทำให้ตนเองมีความสุข เพื่อผ่อนคลายความเครียดไปในตัว
2.นวดบรรเทาอาการไมเกรน
- ผู้ที่มีอาการปวดไมเกรนมักมีอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อตามขมับ ลามไปถึงบริเวณดวงตา หน้าผาก ระหว่างคิ้วหรือบางคนอาจจะปวดเกร็งไปทั้งศีรษะเลยก็มีแนะนำให้ลองใช้การนวดเข้าช่วย โดยให้กดเข้าไปบริเวณที่ปวดไมเกรนเพื่อให้กล้ามเนื้อที่เกร็งอยู่นั้นคลายตัวลงก็จะช่วยลดอาการปวดไมเกรนลงได้ ส่วนวิธีการนวดบรรเทาไมเกรนนั้นก็มีหลายวิธี สามารถหาดูตามคลิปวีดีโอหรือคำแนะนำต่างๆ ตามอินเตอร์เน็ตได้
3.พักผ่อนให้เพียงพอ
- ผู้ที่เกิดอาการปวดหัวไมเกรนอาจมีสาเหตุมาจากการนอนน้อย นอนพักผ่อนไม่เพียงพอหรือนอนมากเกินไป ส่งผลให้เกิดการแปรปรวนของฮอร์โมน จนทำให้ไมเกรนกำเริบได้ ดังนั้นจึงควรนอนหลับให้เพียงพอต่อความต้องการร่างกาย โดยเฉลี่ยแล้วคนเราควรนอนประมาณ 7-8 ชั่วโมง ไม่น้อยหรือเกินกว่านี้ก็สามารถช่วยลดปัญหาไมเกรนได้
4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- การออกกำลังกายเป็นประจำจะสามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายทำให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งจะช่วยป้องกันอาการไมเกรนได้อีกวิธีหนึ่ง ดังนั้น ลองหันมาออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอประมาณ 3-4 วันต่อสัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนักมาก เพียงแค่ขยับร่างกาย วิ่งหรือเดินเร็วครั้งละประมาณ 30 นาทีก็จะช่วยให้อาการไมเกรนดีขึ้นได้ ซึ่งอัตราการเกิดไมเกรนถี่ก็จะค่อยๆ ลดลง และมีโอกาสที่จะหายไปได้ในที่สุด
5.หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ทำให้ไมเกรนกำเริบ
- อาหารก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งของการเกิดโรคไมเกรนได้เช่นกัน โดยควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารปรุงแต่งอย่างเช่น อาหารจำพวกไส้กรอก เบคอน และอาหารสำเร็จรูปที่ผ่านการเวฟ หรือแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์จำพวกนม เช่น นมวัว เนย ชีส ช็อคโกแลต น้ำตาลเทียม ถ้าหากหลีกเลี่ยงการทานอาหารเหล่านี้ไม่ได้ก็พยายามทานให้น้อยลงก็จะช่วยให้ไมเกรนลดลงได้
6.เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
- เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และคาเฟอีนเช่น ชา กาแฟ เหล้า เบียร์ น้ำอัดลม ไวน์ เครื่องดื่มเหล่านี้จะทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายแย่ลงทำให้ร่างกายอ่อนแอ และโรคไมเกรนก็จะกำเริบได้ง่ายขึ้น
7.ทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารเซโรโทนิน
- เซโรโทนินเป็นฮอร์โมนที่สร้างความสุขให้กับร่างกาย ซึ่งฮอร์โมนก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคไมเกรนได้ เพราะฉะนั้นการเลือกทานอาหารที่จะช่วยเพิ่มฮอร์โมนก็จะทำให้อารมณ์ดีขึ้น สามารถช่วยลดไมเกรนได้ดี แนะนำให้กินอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานเช่น แป้ง น้ำตาล กล้วยหอม และโปรตีนต่างๆ เป็นต้น
8.หลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ไม่เหมาะสม
- อย่าลืมว่าสภาพแวดล้อมก็เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคไมเกรนได้ ซึ่งการอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนจัดหรือเย็นจัดจะทำให้ร่างกายเราปรับตัวไม่ทัน ทำให้เกิดความเครียดได้เช่นเดียวกัน
- 9.หลีกเลี่ยงกลิ่นฉุนจัด เช่น กลิ่นน้ำหอมและกลิ่นบุหรี่ สำหรับคนที่เป็นโรคไมเกรนควรหลีกเลี่ยงกลิ่นเหล่านี้เพราะกลิ่นฉุนจัดจะส่งผลต่อการรับรู้ในร่างกาย ซึ่งจะมีผลกระตุ้นระบบประสาททำให้เกิดอาการแปรปรวนและอาจเกิดไมเกรนกำเริบขึ้นได้
10.ใช้สมุนไพรรักษาไมเกรน
- การใช้สมุนไพรรักษา เป็นวิธีทางพื้นบ้านที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งสมุนไพรบางชนิดก็มีฤทธิ์ใช้ในการรักษาโรคไมเกรนได้ เช่น แปะก๊วย โดยจะช่วยในเรื่องของระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยลดอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ แนะนำว่าก่อนใช้สมุนไพรให้ลองปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำในการกินที่ปลอดภัยและได้ผล
คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านเลย เมล็ดแฟลกซ์ กินได้ กินดี มีประโยชน์เพียบ
ไมเกรนเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แถมยังเกิดได้หลากหลายปัจจัยโดยที่หลายคนอาจจะไม่ทันตั้งตัวกันเลยทีเดียวและความรุนแรงของอาการในแต่ละบุคคลก็แตกต่างกันออกไป แต่การรักษาหลักๆ เลยก็คือการดูแลตัวเองให้สุขภาพดีปราศจากความเครียด และควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ตลอดจนพยายามนำคำแนะนำต่างๆ ไปลองปฏิบัติตามเป็นประจำ เชื่อว่าอาการของไมเกรนจะต้องลดลงอย่างแน่นอน