คอลลาเจน กิน 8 วิธีนี้ เห็นผลสูงสุด
8 วิธีกิน คอลลาเจน ยังไงให้เห็นผล ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนมากมายหลายยี่ห้อผลิตออกมาวางจำหน่าย เพื่อเอาใจสาวๆ ที่อยากมีผิวสวยเปล่งปลั่งกระจ่างใส โดยคอลลาเจนยังช่วยในเรื่องของกระดูกข้อต่อและไขกระดูก จึงได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้หญิงและคนทั่วไปที่อยากดูแลสุขภาพในส่วนดังกล่าว
คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านเลย Flaxseed กินได้ กินดี มีประโยชน์เพียบ
ข้อควรรู้ของคอลลาเจนและวิธีกินคอลลาเจนให้ได้ผล
คอลลาเจนหาซื้อได้ง่ายและมีขายตามท้องตลาดทั่วไป โดยมีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ในเรื่องของส่วนผสมปริมาณของคอลลาเจนในแต่ละยี่ห้อนั้นก็มากน้อยตามราคา แต่อย่างไรก็ตาม กลับมีหลายคนที่เลือกซื้อคอลลาเจนมากินแล้วไม่เห็นผล แสดงว่าอาจจะไม่รู้วิธีกินคอลลาเจนอย่างถูกต้องก็เป็นได้ดังนั้นวันนี้เราก็จะมาแชร์เทคนิคการกินคอลลาเจนให้ได้ผลมากที่สุดซึ่งมีด้วยกัน 8 วิธี ดังนี้
คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านเลย คอลลาเจน กิน 8 วิธีนี้ เห็นผลสูงสุด
1.คอลลาเจนเป็นสารชนิดหนึ่งที่เกิดจากการผสมของกรดอะมิโนซึ่งเป็นสารที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น กระดูก ผิวหนัง เส้นผม และเล็บ เป็นต้น ปกติแล้วร่างกายของคนเราสามารถผลิตคอลลาเจนขึ้นเองได้แต่บางคนอาจผลิตได้มากน้อยขึ้นอยู่กับการทำงานของร่างกาย เพราะฉะนั้นจึงมีคอลลาเจนประเภท Hydrolyzed ที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงทั่วร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าทำให้ได้สุขภาพที่ดีและเพื่อความงามด้วย
2.ถ้าหากต้องการการบำรุงเฉพาะส่วนโดยเฉพาะเรื่องของผิวพรรณที่เรียบเนียน พร้อมช่วยชะลอและลดริ้วรอยแห่งวัย รวมไปถึงการช่วยดูแลในเรื่องของไขข้อและกระดูกอ่อนแนะนำให้เลือกกินคอลลาเจนประเภทไดเปปไทด์ (Collagen dipeptide) ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่มีโมเลกุลขนาดเล็กมาก ซึ่งตัวคอลลาเจนชนิดนี้จะไม่ถูกดูดซึมผ่านกระเพาะอาหารแต่จะถูกดูดซึมผ่านลำไส้เล็กส่งผลให้คอลลาเจนตรงเข้าสู่เส้นเลือดไปยังเซลล์ผิวหนังและกระดูกต่างๆ ได้เร็วมากขึ้น
3.ในเรื่องขนาดโมเลกุลของคอลลาเจน ถ้ามีความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพความรวดเร็วของการดูดซึมของคอลลาเจนแนะนำให้เลือกคอลลาเจนที่ผ่านการย่อยมาแล้วไม่เกิน 500 ดาลตัน ซึ่งเรียกคอลลาเจนที่มีขนาดโมเลกุลเท่านี้ว่า คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Collagen Tripeptide)เพื่อการดูดซึมที่เร็วและเห็นผลมากยิ่งขึ้น
4.เพื่อประสิทธิภาพการดูดซึมของคอลลาเจนที่มากกว่าคอลลาเจนไตรเปปไทด์ สามารถเลือกกินคอลลาเจนประเภทไดเปปไทด์ (Collagen dipeptide) ที่มีขนาดโมเลกุล 200 ดาลตันแทนได้ ก็จะช่วยให้การดูดซึมคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายเป็นไปได้ดียิ่งขึ้น
5.แหล่งที่มาของคอลลาเจนที่อ้างอิงว่ามาจากสัตว์ประเภทต่างๆ ก็จะมีปริมาณคอลลาเจนที่มากน้อยขึ้นอยู่กับสัตว์นั้นๆ และชนิดของคอลลาเจนต่างๆ เช่น คอลลาเจนไทป์ 1 (Type 1) คอลลาเจนไทป์ 2 (Type 2) ก็มีความแตกต่างกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูในเรื่องของกระบวนการสกัดสารคอลลาเจนเป็นหลักว่ามีประสิทธิภาพและมีความคุ้มค่ามากหรือไม่มากกว่าการดูแหล่งที่มาและชนิดของคอลลาเจน
6.เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้นควรกินควบคู่กับวิตามินซีต่างๆ เช่น Acerola Cheery, L-Ascorbic Acidและ Citrus bioflavonoids เป็นต้น โดยผลิตภัณฑ์คอลลาเจนบางส่วนจะมีการผสมสารจำพวกวิตามินซีลงไปในสูตรอยู่แล้ว แต่ในบางยี่ห้อที่ไม่มีการผสมวิตามินซีลงไปแนะนำให้หาอาหารเสริมวิตามินซีมากินควบคู่กับคอลลาเจนไปด้วย
7.เมื่อรับคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายและชั้นผิวหนังแล้วควรมีการรักษาและป้องกันการสลายของสารคอลลาเจนเพื่อไม่ให้ที่กินมานั้นสูญเปล่าด้วยสารยับยั้งอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ทำหน้าที่ยับยั้งและกำจัดอนุมูลอิสระที่เป็นตัวทำลายเซลล์ต่างๆ ในร่างกายรวมไปถึงเป็นโรคมะเร็งด้วย ตัวอย่างของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินอี วิตามินซี สารโคเอนไซม์คิวเท็น (Q10) และเบต้าแคโรทีน เป็นต้น ซึ่งปกติแล้วสามารถพบได้ในอาหารจำพวกผักและผลไม้ทั่วไป
8.การเลือกช่วงเวลาในการกินคอลลาเจนปกติแล้วสามารถเลือกกินตอนไหนก็ได้เนื่องจากคอลลาเจนไม่มีอันตรายต่อร่างกาย แต่ถ้าให้เลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดแนะนำให้กินหลังมื้ออาหารเพื่อให้คอลลาเจนและสารอาหารดูดซึมเข้าร่างกายไปพร้อมกัน และการกินคอลลาเจนในช่วงก่อนนอนจะได้ประสิทธิภาพดีเช่นกัน เพราะในช่วงเวลาที่เรานอนหลับจะเป็นช่วงที่ร่างกายเราซ่อมแซมส่วนสึกหรอต่างๆ ซึ่งถ้าหากกินคอลลาเจนก่อนเข้านอนก็จะทำให้ร่างกายซ่อมแซ่มส่วนต่างๆ ได้ดีมากยิ่งขึ้น
การรู้จักชนิดของคอลลาเจนและวิธีการกินที่ถูกต้อง จะช่วยให้เราเลือกซื้อคอลลาเจนได้อย่างเหมาะสมมากขึ้นซึ่งบางคนอาจซื้อมาแพงแต่กินไม่ถูกวิธีก็ไม่เห็นผล ดังนั้นต้องกินคอลลาเจนให้ถูกวิธีเพื่อสุขภาพและผิวพรรณที่สวยสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงนั่นเอง
