โรงงานรับผลิตครีม เวชสำอาง พร้อมดีลที่ดีที่สุด 2566

การดูแลผิวหรือ “สกินแคร์” ในปัจจุบัน ยังคงเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจสูงในวงการความงามและสุขภาพผิว ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีและการวิจัยที่มากขึ้น ทำให้มีเทรนด์และข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับสกินแคร์ที่น่าสนใจ นี่คือบางส่วนที่ควรทราบ

1. เทคโนโลยีสกินแคร์เฉพาะผิว (Personalized Skincare Technology): การใช้เทคโนโลยีเพื่อวิเคราะห์สภาพผิวและความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละผู้ใช้ โดยเฉพาะการใช้ AI และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้างสูตรสกินแคร์ที่เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคน
2. ผลิตภัณฑ์สกินแคร์เพื่อสิ่งแวดล้อม (Eco-Friendly Skincare Products): มีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด เช่น การใช้ส่วนผสมที่ยั่งยืนและบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้
3. การป้องกันแสงสีฟ้า (Blue Light Protection): กับการใช้เทคโนโลยีหน้าจออย่างแพร่หลาย การป้องกันผิวจากแสงสีฟ้าที่อาจเกิดจากอุปกรณ์เช่นสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องสำคัญ เครื่องสำอางและสกินแคร์หลายตัวได้รวมส่วนผสมที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงสีฟ้า
4. ส่วนผสมใหม่ๆ ในสกินแคร์ (Innovative Skincare Ingredients): การค้นพบส่วนผสมใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพในการดูแลผิว เช่น สารสกัดจากพืชหรือสารสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น การลดริ้วรอยหรือการปรับสภาพผิว
5. ความรู้ด้านสุขภาพผิวและการดูแลผิวแบบองค์รวม (Holistic Skincare): การดูแลผิวไม่ได้จำกัดอยู่ที่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์, การออกกำลังกาย, และการจัดการความเครียด

การติดตามเทรนด์และการวิจัยล่าสุดในวงการสกินแคร์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการดูแลผิวของคุณ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ผิวหนังก่อนเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์หรือวิธีการใหม่ๆ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิผลที่ดีที่สุดในการดูแลผิวของคุณ

อ้างอิง

• Mika Robinson, 7 Skincare Ingredients You Need to Know, Shape, May 30, 2023, https://www.shape.com/skincare-ingredients-to-know-7488486
• Christina Hernandez Sherwood, Which Skin Care Products Do We Really Need?, UCSF Magazine, January 22, 2023, https://magazine.ucsf.edu/which-skin-care-products-do-we-really-need
• Josh Howarth, 7 Top Skincare Trends (2024 & 2025), Exploding Topics, November 16, 2023, https://explodingtopics.com/blog/skincare-trends

การสร้างแบรนด์สกินแคร์และครีมอย่างมืออาชีพ: ขั้นตอน, เทคนิคใหม่ ๆ และกลยุทธ์ทันสมัย

• กำหนดรูปแบบของผลิตภัณฑ์: การเริ่มต้นด้วยการกำหนดคุณสมบัติที่ต้องการให้กับผลิตภัณฑ์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นครีมบำรุงผิวที่มีเนื้อสัมผัสเบาบาง, เซรั่มลดจุดด่างดำ หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวพรรณ คุณลักษณะเหล่านี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น นอกจากคุณสมบัติพื้นฐานแล้ว ควรพิจารณาแนวโน้มใหม่ ๆ เช่น ส่วนประกอบจากธรรมชาติ, เทคโนโลยีการดูดซึมขั้นสูง หรือสูตรที่เหมาะสมกับผิวแพ้ง่าย ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
• ศึกษาตลาดและเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย: ก่อนที่จะเริ่มต้นธุรกิจ ความเข้าใจในสินค้า, กลุ่มลูกค้า และตลาดเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อวางแผนและลดความเสี่ยงในการผลิต และสร้างกลยุทธ์ ลองใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลตลาดอย่าง Big Data และ AI เพื่อเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล และเพิ่มความแม่นยำในการวางแผนการตลาด
• ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: เมื่อมีแนวคิดเบื้องต้น ควรขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น ส่วนผสม, การตลาด, และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อวางแผนการผลิตและทำให้ผลิตภัณฑ์ประสบความสำเร็จ นอกจากปรึกษาเรื่องสูตรผลิตภัณฑ์แล้ว ควรหาคำแนะนำในเรื่องการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในกระบวนการผลิต เช่นการใช้ AI ในการวิเคราะห์ส่วนประกอบ หรือเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมเพื่อลดผลกระทบต่อโลก
• พัฒนาสูตรสกินแคร์: ขั้นตอนนี้ควรรวมการทดสอบทางคลินิกเพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพ และตอบสนองมาตรฐานสากล โดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัยและความไว้วางใจจากผู้บริโภค
• ทำสัญญาและเริ่มกระบวนการผลิต: หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างถูกต้องและพร้อม คุณสามารถทำสัญญากับโรงงานผลิตและเริ่มกระบวนการผลิตได้ โดยปกติรอบการผลิตจะใช้เวลาไม่เกินหนึ่งเดือน รวมถึงขั้นตอนการบรรจุและเตรียมจำหน่าย อย่างไรก็ตามการผลิต ทางโรงงานควรให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยเลือกโรงงานที่มีนโยบายเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และมีระบบการจัดการที่ทันสมัย
• จดทะเบียนและขออนุญาตการผลิต: สิ่งสำคัญในขั้นตอนการเริ่มผลิตคือการจดทะเบียนสูตรกับองค์การอาหารและยาเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของคุณสามารถวางขายได้อย่างถูกต้อง นอกเหนือจากการจดทะเบียนดังกล่าวแล้ว ปัจจุบันการได้รับการรับรองจากองค์กรสากล เช่น ECOCERT หรือ EWG สามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือและเป็นจุดขายที่ดีสำหรับผลิตภัณฑ์
• ตรวจสอบคุณภาพก่อนจัดจำหน่าย: ก่อนที่ผลิตภัณฑ์จะออกสู่ตลาด ควรผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด โดยมีทีม QC ดูแลเพื่อรับประกันคุณภาพ และใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบคุณภาพเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ทุกขั้นตอนผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดและมีมาตรฐานสูงสุด
• วางแผนการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ: ในยุคดิจิทัล การใช้ Social Media Marketing และ Influencer Marketing เป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มการรับรู้และสร้างการมีส่วนร่วมจากลูกค้า พร้อมทั้งต้องติดตามและปรับปรุงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องตามความเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยการปรับตัวเข้ากับเทรนด์และเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างแบรนด์สกินแคร์และครีมที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ ทั้งยังช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่จดจำและได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่มีคุณภาพ แต่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสอดคล้องกับค่านิยมในยุคปัจจุบัน

อ้างอิง

• How to Start a Skincare Line in 11 Steps, MasterClass, February 11, 2023, https://www.masterclass.com/articles/how-to-start-a-skincare-line
• Michael Flanagan, How to Start Your Own Line of Skin Care, Small Business, March 01, 2019, https://smallbusiness.chron.com/start-own-line-skin-care-15939.html
• Adeel Qayum, How to Start a Skincare Line: 7-Step Ultimate Guide, Oberlo, November 21, 2022, https://www.oberlo.com/blog/how-to-start-a-skincare-line

1. การจดทะเบียนบริษัทที่ถูกต้อง: การมีการจดทะเบียนที่ถูกต้องเป็นหลักฐานว่าโรงงานดำเนินการภายใต้มาตรฐานที่กำหนดและมีความน่าเชื่อถือในการดำเนินธุรกิจ เอกสารการจดทะเบียนช่วยให้แน่ใจว่าคุณสามารถติดต่อและดำเนินการทางกฎหมายได้อย่างมีฐานความมั่นคงหากจำเป็น.
2. ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์: ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เฉพาะทางของโรงงานสามารถเพิ่มคุณภาพและความเป็นมืออาชีพให้กับผลิตภัณฑ์ของคุณ หาโรงงานที่มีประสบการณ์ในการผลิตสินค้าที่คล้ายคลึงกับของคุณ และมีทีมวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่งเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในผลิตภัณฑ์ของคุณ.
3. โรงงานผลิตครีมที่ได้มาตรฐาน: มาตรฐานการผลิตเช่น GMP, ISO, Halal, และ FDA สะท้อนถึงคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ การได้รับการรับรองเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาซื้อมีมาตรฐานและผลิตภัณฑ์ที่ได้มีความสม่ำเสมอในทุก ๆ ล็อต.
4. การพิจารณาต้นทุนและราคาขาย: การคำนวณต้นทุนและกำหนดราคาขายที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการธุรกิจ โรงงานที่มีโครงสร้างต้นทุนที่ชัดเจนและมีความยืดหยุ่นในการกำหนดราคาและขั้นต่ำในการผลิตจะช่วยให้คุณประเมินและวางแผนการผลิตได้ดีขึ้น.
5. บริการแบบครบวงจร: การเลือกโรงงานที่มีบริการแบบครบวงจรจะช่วยลดความยุ่งยากและความซับซ้อนในกระบวนการผลิต ตั้งแต่การวางแผนผลิตภัณฑ์, การออกแบบบรรจุภัณฑ์, การดำเนินการขออนุญาตจาก อย., จนถึงการให้คำปรึกษาด้านการตลาด.
6. การปรับปรุงและนวัตกรรม: โรงงานที่ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงและนวัตกรรมจะช่วยให้แบรนด์ของคุณสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างต่อเนื่อง.
7. การรับรองด้านความยั่งยืน: โรงงานที่มีการรับรองด้านความยั่งยืนสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม การใช้วัตถุดิบที่ยั่งยืนและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ลูกค้าในปัจจุบันให้ความสนใจและเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์.
8. การทดสอบและการรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์: โรงงานที่มีการทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์อย่างเข้มงวดและได้รับการรับรองคุณภาพจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ จะช่วยให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของคุณมีคุณภาพสูงและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค.
9. การสื่อสารและการบริการลูกค้า: การมีทีมงานที่สามารถสื่อสารได้อย่างมืออาชีพและตอบสนองความต้องการของคุณได้รวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ ความสามารถในการสื่อสารที่ดีของโรงงานจะช่วยให้กระบวนการผลิตผ่านไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ.
10. ความยืดหยุ่นในการผลิต: ความสามารถของโรงงานในการปรับเปลี่ยนและปรับปรุงกระบวนการผลิตตามความต้องการของตลาดและแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญ คุณควรค้นหาโรงงานที่มีความยืดหยุ่นในการผลิต เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงหรือการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของตลาดและความต้องการของแบรนด์ของคุณ

การเลือกโรงงานผลิตครีมที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างแบรนด์สกินแคร์ที่มีคุณภาพและเป็นที่นิยมในตลาด ด้วยการคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ คุณจะสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าและสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อ้างอิง

• How to Choose the Right Private Label Skincare Manufacturer, Business Matters July 20, 2023, https://bmmagazine.co.uk/business/how-to-choose-the-right-private-label-skincare-manufacturer/
• Ada Polla, Choosing the Right Beauty Care Manufacturer, Global Cosmetic Industry, June 1, 2017, https://www.gcimagazine.com/suppliers-services/article/21850414/choosing-the-right-beauty-care-manufacturer
• Skincare Marketing: 7 Strategies for Selling Beauty Products, Shopify, January 22, 2023, https://www.shopify.com/blog/skin-care-marketing-online-store

ครีมที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมสูงส่วนใหญ่มีลักษณะเฉพาะที่ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่นและได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั่วไป ลักษณะเฉพาะของครีมที่ทำให้มีความโดดเด่นนี้สามารถเป็นส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์, ระดับคุณภาพของส่วนผสม, หรือเทคนิคการผลิตที่เฉพาะเจาะจง สำหรับเนื้อสัมผัสของครีมเหล่านี้ มีหลายปัจจัยที่ช่วยสร้างความแตกต่าง ซึ่งอาจรวมถึงสูตรของผลิตภัณฑ์, วิธีการประยุกต์ใช้, และผลที่ได้จากการใช้ครีมในระยะยาว โดยลักษณะของเนื้อสัมผัสของครีมยอดนิยมและขายดีตลอดกาลมักมีดังนี้

1. ความหนาแน่นและความเข้มข้น: ครีมบางชนิดอาจมีความหนาแน่นสูง ทำให้ให้ความชุ่มชื้นสูงและเหมาะกับผิวที่แห้งมากหรือในช่วงฤดูหนาว ในขณะที่ครีมที่มีความเบาบางเหมาะสำหรับใช้ในฤดูร้อนหรือสำหรับผู้ที่มีผิวมัน
2. การซึมได้ดี: ครีมที่ดีควรซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดี โดยไม่ทิ้งความรู้สึกหนักหรือเหนียวเหนอะหนะ ความสามารถในการซึมซาบของครีมมีความสำคัญมากในการประเมินคุณภาพของผลิตภัณฑ์
3. กลิ่นหอม: กลิ่นหอมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ครีมยอดนิยม บางครีมมีกลิ่นหอมจากสารสกัดธรรมชาติที่ช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกผ่อนคลาย ในขณะที่ครีมอื่นๆ อาจเลือกใช้กลิ่นหอมที่อ่อนโยนหรือไม่มีกลิ่นเพื่อเหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
4. ส่วนประกอบ: ส่วนประกอบของครีมสามารถบอกได้ถึงคุณภาพและเป้าหมายในการใช้งาน เช่น ส่วนประกอบที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิว ลดริ้วรอย หรือส่วนประกอบที่ช่วยในการป้องกันแสงแดด
5. ผลลัพธ์หลังการใช้: ผลลัพธ์หลังการใช้ครีมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ครีมเหล่านี้ได้รับความนิยม ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกสบายผิวหลังการใช้, ความสามารถในการลดเลือนริ้วรอย, หรือการปรับสภาพผิวให้ดูดีขึ้น

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อสัมผัสและคุณสมบัติเหล่านี้สามารถช่วยให้ผู้บริโภคเลือกครีมที่เหมาะสมกับผิวและความต้องการของตนเองได้ดียิ่งขึ้น และนี่คือส่วนสำคัญที่ทำให้ครีมเหล่านี้มีชื่อเสียงและขายดีตลอดกาล ในตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ

อ้างอิง

• Popular Skin Care Ingredients Explained, Cleveland Clinic Health Essentials, August 1, 2022, https://health.clevelandclinic.org/skin-care-ingredients-explained
• Top 10 Skin Care Ingredients You Should Know About, Nordstrom, January 22, 2023, https://www.nordstrom.com/browse/content/blog/top-skin-care-ingredients
• The 11 Best Skincare Ingredients To Look Out For, Who What Wear, February 12, 2023, https://www.whowhatwear.com/best-skincare-ingredients

การแพ้ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นปัญหาที่พบเจอได้บ่อยครั้งในการดูแลสุขภาพผิว ซึ่งสามารถเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยทั้งเชิงพันธุกรรมและสภาพแวดล้อม ทุกคนมีโครงสร้างผิวที่แตกต่างกัน ทำให้ความไวต่อสารในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแตกต่างกันไปด้วย สำหรับส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มักทำให้เกิดการแพ้บ่อย ๆ มีดังต่อไปนี้

1. น้ำหอมและสารหอมระเหย: น้ำหอมและสารหอมระเหยเป็นสิ่งที่ควรระมัดระวังในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ เนื่องจากเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการแพ้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ทั้งนี้เนื่องจากสารประกอบในน้ำหอมและสารหอมระเหยมีความหลากหลายและบางส่วนอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือการแพ้ที่ผิวหนัง ดังนั้น การเลือกใช้สินค้าที่ไม่มีน้ำหอมหรือสารหอมระเหยจึงเป็นการดีที่สุดสำหรับผิวที่แพ้ง่าย
2. พาราเบน: หรือสารกันเสียที่มีในหลายๆ ผลิตภัณฑ์ทั้งในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง, ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ, และอื่นๆ อีกมากมาย แม้ว่าพาราเบนจะมีความสำคัญในการยืดอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์แต่ก็มีผู้บางท่านที่มีความไวต่อสารนี้ ความไวต่อพาราเบนอาจจะแสดงออกมาในรูปแบบของอาการแพ้ในขณะที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารนี้ ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคือง, ผื่น, หรืออาการอื่นๆ ที่ไม่พึงประสงค์.
3. สารกันแดดเคมี: สำหรับบางคน การใช้สารกันแดดที่มีส่วนประกอบทางเคมี เช่น oxybenzone และ avobenzone อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ การใช้สารกันแดดเคมีต้องดูแลอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้น
4. สารก่อให้เกิดสิว (Comedogenic Ingredients): ในบางครั้ง มีสารบางชนิดที่สามารถทำให้เกิดสิวได้ เช่น น้ำมันมะพร้าว สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณแพ้สารเหล่านี้ แต่อาจทำให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ที่ไม่พึงประสงค์ ดังนั้นควรทราบถึงสารที่อาจก่อให้เกิดสิวนี้ และพยายามหลีกเลี่ยงหรือใช้สารเหล่านี้อย่างระมัดระวัง
5. แอลกอฮอล์: ในส่วนของสกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า แอลกอฮอล์บางชนิดมีโอกาสที่จะส่งผลทำให้ผิวหน้าของคุณแห้งและเกิดความระคายเคือง ซึ่งสามารถนำไปสู่การเกิดการแพ้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าหรือเพิ่มความเสี่ยงในการแพ้สารอื่นที่อาจมาร่วมกับแอลกอฮอล์ในผลิตภัณฑ์เหล่านั้น
6. สารกำจัดสิวและสารลอกผิว: สารที่นิยมใช้ในการรักษาและกำจัดสิว หรือในการลอกผิว ได้แก่ กรดซาลิไซลิก และ กรดอัลฟาไฮดรอกซี ทั้งสองชนิดนี้มีความสามารถในการล้างไขมันและเซลล์ผิวที่ตาย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว อย่างไรก็ตาม สำหรับบางคน อาจพบว่ามีอาการระคายเคืองหรือแพ้สารที่ถูกใช้ ซึ่งอาจเกิดจากการที่ผิวมีความไวต่อสารเหล่านี้มากเกินไป
7. สารสังเคราะห์: บางคนอาจแพ้สารสังเคราะห์เฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นสีหรือสารเติมแต่งอื่นๆ

การทดสอบผลิตภัณฑ์บนบริเวณเล็กๆ ของผิวก่อนใช้ทั่วหน้าหรือร่างกายเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันปัญหาการแพ้ หากมีอาการผิดปกติ เช่น ระคายเคือง คัน หรือผื่น ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้นทันทีและปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง.

ในฐานะเจ้าของแบรนด์ การเข้าใจและตระหนักถึงส่วนผสมที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง การทดสอบผลิตภัณฑ์อย่างรอบคอบจะช่วยลดความเสี่ยงที่ผู้บริโภคจะมีอาการแพ้ นอกจากนี้ การไม่ใช้ส่วนผสมเหล่านี้ในผลิตภัณฑ์ยังเป็นจุดขายที่ดีและสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของคุณได้

อ้างอิง

• Allergens in Cosmetics , Food and Drug Administration (.gov), February 25, 2022, https://www.fda.gov/cosmetics/cosmetic-ingredients/allergens-cosmetics
• Skin Reactions to Beauty Products, WebMD, April 18, 2023, https://www.webmd.com/allergies/cosmetics
• Shannon Farrell, 7 Skin-Care Ingredients You Might Be Allergic To, Women’s Health, March 11, 2015, https://www.womenshealthmag.com/beauty/a19903363/irritating-skin-care-ingredients/

ปัจจุบันนิยามความงามนั้นมีมีหลายมิติมากขึ้น ทำให้เปลี่ยนแปลงมุมมองของผู้หญิงไทยให้มีความมั่นใจในความสวยงามแบบฉบับของตนเอง โดยไม่ว่าจะมีสีผิวแบบใดก็ตาม ความสวยงามไม่ควรถูกจำกัดด้วยมาตรฐานเดียว

ด้วยเทรนด์ความงามที่ไม่ได้จำกัดที่ผิวสวยเท่ากับผิวขาว ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในปัจจุบันมีความหลากหลายไม่ได้เน้นที่ความขาวเพียงอย่างเดียวเหมือนแต่ก่อนทำให้ครีมขาวที่ใส่สารปรอทนั้นได้รับความนิยมน้อยลง อย่างไรก็ตามก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีครีมหลาย ๆ แบรนด์ที่แอบใส่สารอันตรายต้องห้ามที่เป็นอันตรายในครีมเพื่อเร่งผลลัพธ์ให้เร็วยิ่งขึ้น โดยสารอันตรายในเครื่องสำอางสามารถส่งผลกระทบกับผิวได้แก่ การระคายเคืองและการแพ้

สารอันตรายในเครื่องสำอางที่องค์การอาหารและยาสั่งห้ามใช้ในเครื่องสำอาง ได้แก่ สารไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอ และสารปรอท สารเหล่านี้มีผลกระทบที่ต่างสกันดันนี้

1. ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone): เป็นสารที่ใช้ในการรักษาฝ้า, จุดด่างดำ และเพื่อทำให้ผิวขาวขึ้น. แม้จะมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องความปลอดภัย เช่น การระคายเคืองผิว, การทำให้ผิวบางและมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง. การใช้ไฮโดรควิโนนควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
2. กรดวิตามินเอ (Retinoids): รวมถึงเรติน-เอ (Retin-A) และเรตินอล (Retinol), มีประโยชน์ในการรักษาสิว, ลดริ้วรอย และปรับปรุงลักษณะของผิว. อย่างไรก็ตาม, สารเหล่านี้อาจทำให้เกิดการระคายเคือง, ผิวแห้ง และควรหลีกเลี่ยงการใช้ระหว่างตั้งครรภ์
3. สารปรอท (Mercury): การใช้สารปรอทในผลิตภัณฑ์ความงามมีผลเสียหายมากมาย ตั้งแต่การทำให้ผิวเกิดรอยไหม้ดำ ไปจนถึงการเกิดอาการแพ้ที่รุนแรง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรป, สหรัฐอเมริกา, และญี่ปุ่น ได้ห้ามใช้สารปรอทในเครื่องสำอางอย่างเด็ดขาด

ในปัจจุบัน, โรงงานผลิตครีมและสกินแคร์ในไทยได้เริ่มใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติและสารสกัดที่ปลอดภัยมากขึ้น เพื่อสนับสนุนสุขภาพผิวที่ดีและหลากหลายของสีผิว การวิจัยและพัฒนาเหล่านี้ส่งเสริมให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ปลอดภัย แต่ยังมีประสิทธิภาพสูง

สำหรับผู้บริโภค, การเลือกผลิตภัณฑ์ควรให้ความสำคัญกับส่วนผสม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ และหลีกเลี่ยงสารเคมีที่อาจเป็นอันตราย การให้ความรู้และการรับรู้เกี่ยวกับส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ดีขึ้นในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

อ้างอิง

• Beth Ann Mayer, 6 Ingredients to Avoid Putting on Your Skin, Healthline, September 1, 2022, https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/ingredients-to-avoid-for-stress-free-skin-care
• Shweta Vepa Vyas, 8 ingredients that your beauty products should NOT include, Vogue India, December 8, 2021, https://www.vogue.in/beauty/content/8-ingredients-that-your-beauty-products-makeup-skincare-should-not-include
• Victoria Hoff, 20 Ingredients a Clean Cosmetic Chemist Would Avoid, Byrdie, June 21, 2023, https://www.byrdie.com/toxic-beauty-ingredients-4782646

ในการที่เราจะโฆษณาผลิตภัณฑ์ของเรานั้น ก็มีกฎหมายกำหนดอยู่ว่าการทำโฆษณาแบบใดถึงจะถูกต้อง เหมาะสม และไม่เป็นการละเมิดข้อกำหนดทางกฎหมาย

คณะกรรมการ องค์กรอาหารและยา หรือที่เราคุ้นหูดีในชื่อย่อว่า อย. ประกาศเรื่องหลักเกณฑ์ในการโฆษณา  และมีผลตามกฎหมายตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง มาตรา 41 และมาตรา 42 ประกาศลักษณะคำต้องห้ามที่ห้ามใช้ในการโฆษณาดังนี้

• ห้ามมีการโฆษณาเกินจริง หรือเป็นเท็จ
• การโฆษณาโดยสื่อความหมายว่าผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองคุณภาพจากอย. หรือกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
• ใช้ข้อความที่ระบุและแสดงสรรพคุณสามารถรักษาโรค
• อ้างว่าผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองคุณภาพจาก อย. และปราศจากสารเคมีหรือสารพิษ
• อ้างคุณสมบัติที่สามารถรักษาโรคหรือมีจุดประสงค์อื่นนอกจากเป็นเครื่องสำอางค์ เช่น อ้างว่าใช้แล้วช่วยเปิดโอกาสทางการเงินหรือโชคลาภ
• ใช้ข้อความที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง
• มีการเปรียบเทียบกับหัตถการทางการแพทย์ เช่น การเลเซอร์ การฉีดโบท็อกซ์ หรือ การศัลยกรรม 
• ใช้ข้อความที่ทำให้เข้าใจว่ามีสรรพคุณบำรุงกาม
• ใช้ข้อความที่เป็นการสนับสนุนโดยตรงหรือโดยอ้อมให้มีการกระทำผิดกฎหมายหรือศีลธรรม

สำหรับข้อความที่ห้ามใช้ในการโฆษณาผลิตภัณฑ์ครีมและเครื่องสำอาง ได้แก่

1) ช่วยดับกลิ่นตัว กลิ่นปาก
2) กระชับรูขุมขน/ ฟื้นฟูผิว
3) ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ลดสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ
4) แก้ผมร่วง ผมหงอก
5) ยกกระชับผิวหน้า
6) ลดริ้วรอย/ ลดความมันบนใบหน้า
7) ผิวขาว กระจ่างใส นุ่ม เด้ง เปล่งปลั่ง ออร่า
8) ชะลอความแก่ ดูอ่อนกว่าวัย
9) ช่วยให้ผมและเล็บแข็งแรง
10) กันแดด ท้าแดด

ประกาศฉบับนี้นั้นมุ่งไปที่การปกป้องผู้บริโภคจากการเข้าใจผิดจากคำโฆษณาของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หรือปกป้องผู้บริโภคจากข้อความที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย ความเข้าใจผิดในวงกว้าง โดยแบรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่โฆษณษผิดกฏหมาย มีโทษหนัก ปรับสูงสุดถึง 100,000 บาท เลยทีเดียว

ตัวอย่างข้อความการโฆษณาที่ฝ่าฝืนกฎหมาย

• ทาแล้วช่วยลดกระชับสัดส่วนโดยไม่ต้องออกกำลังกาย
• เปลี่ยนผิวดำให้กลายเป็นผิวขาวใน 3 วัน
• ลบริ้วรอย เสริมสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่อย่างได้ผล
• ผลิตภัณฑ์หน้ากระชับตึงเหมือนฉีดโบท็อกซ์
• ปกป้องผิวจากโรคผิวหนัง ผด ผื่นคัน ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา กลาก เกลื้อน ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง
• ผลิตจากธรรมชาติ 100% ได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญองค์การอาหาร และยา
• ปลอดภัย 100% ใช้ได้ไม่มีแพ้แน่นอน 

อ้างอิง :

คำและข้อความห้ามใช้ในโฆษณาอาหาร 2564 เจ้าของแบรนด์ต้องรู้, April 19, 2024, https://www.derma-innovation.com/content/21679/คำและข้อความห้ามใช้ในโฆษณาอาหาร-2564-เจ้าของแบรนด์ต้องรู้-

เปิดกฎหมายเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ที่สายบิวตี้ควรรู้, iLaw, July 16, 2022, https://www.ilaw.or.th/node/6192